ถึงตอนนั้นก็รู้สึกงง
งง
แต่ก็ขอบคุณพระเจ้าเพราะเรารู้แล้วว่าอาการของเราคืออะไร
ดีกว่าไม่รู้อะไรเลย
จึงโทรไปเมืองไทย
คุยกับคุณแม่
ซึ่งในตอนนั้นเราคิดว่าเรากลับไปรักษาที่เมืองไทยดีกว่า
เนื่องจากระดับภาษาในการสื่อสาร
ของเราซึ่งเป็นคำศัพท์ทางอาการเจ็บป่วย
และศัพท์เฉพาะนั้นยังไม่ค่อยดีนัก
กลัวว่าจะมีการสื่อสารที่ผิดพลาดซึ่งจะส่งผลเสีย จึงบอกคุณหมอว่ายังไม่ต้องทำอะไร
ซึ่งตอนแรกคุณหมอจะฉีดยาให้เลย
แต่บอกคุณหมอว่าไม่ต้อง
เราจะเดินทางกลับประเทศพรุ่งนี้
ไปรักษาที่เมืองไทย ท่านจึงไม่ได้ฉีดยาหรือรักษาอะไรให้อ๋าเลย...
หลังจากนั้นจึงรีบเดินทางไปจองตั๋วเครื่องบินซึ่งพอไปถึง
ปรากฏว่า
ตั๋วทุกเที่ยวสายการบินเต็มหมดต้องรอถึงสองวันคือเย็นวันที่18
ตอนบ่ายสามโมงครึ่ง...(เวลาที่จองคืออาทิตย์ที่
16 ) ซึ่งอ๋ามีความเชื่อว่า
ถ้าหากพระเจ้าต้องการให้เราเดินทางกลับ
จะเต็มอย่างไรพระเจ้าก็จะให้ทาง และเปิดทางให้
แต่ถ้าไม่ก็แสดงว่าพระเจ้ามีแผนการสำหรับอ๋าที่เมืองจีน
จึงตัดสินใจว่าวันพรุ่งนี้จะไป
Admit
คือ
เข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาล
หลังจากที่เดินทางกลับก็ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับอาจารย์ชาวอเมริกันท่านหนึ่ง ซึ่งคอยหนุนใจ
และช่วยเหลือผมมาตลอดตั้งแต่เดินทางมาอยู่ที่เมืองจีน
และเล่าเรื่องราวให้ท่านฟัง
หลังกลับถึงหอจึงไปหาท่านที่ห้อง
(หอของท่านกับอ๋านั้นอยู่ติดกัน)
ท่านจึงให้คำแนะนำ
หนุนใจ
และเราก็อธิษฐานกัน...
แล้วก็ใช้เวลาตามปกติ
อาการยังคงเหมือนเดิม
คือ
รู้สึกร้อน
(ร้อนข้างในแต่ไม่ได้ตัวร้อน) น้ำมูกไหลไม่หยุด
เจ็บคอ
คอแห้งและมีเสมหะ
แต่ก่อนเข้านอนก็อ่านพระวจนะและ
สรรเสริญพระเจ้า...
เช้าวันถัดมาสิ่งแรกที่ได้ทำในเช้าวันนี้ยิ้มให้พระองค์
สรรเสริญพระเจ้า
และอ่านพระคำ
(ยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟันเลย)
มีความสุขมาก
ลืมนึกเลยว่าตัวเองไม่สบาย แต่ก็รู้สึกดีขึ้นมากเลย
น้ำมูกไม่ไหล
คอไม่เจ็บ
ไม่รู้สึกร้อน
ไม่มีเสมหะ
^^
เชื่อว่าพระเจ้ารักษาเราแล้ว
หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางแต่เช้า เดินทางด้วยรถแท็กซี่
เมื่อไปถึงคนเยอะเหมือนเมื่อวาน
--" (อยากบอกว่าโรงพยาบาลจีนนั้นมีระบบที่ซับซ้อนมากคือ
ถ้าเป็นอะไรฉุกเฉินขึ้นมาคุณอาจจะตายได้
เพราะทุกขั้นตอนคุณต้องจ่ายเงินก่อน
ต้องนำบิลมาก่อนจึงจะสามารถเข้ารับการรักษาได้
ส่วนหนึ่งในความเข้าใจของผมนั้นคือประชากรเขามาก
และป้องกันการรักษาแล้วหนี
รวมไปถึงการที่จะเข้าพบคุณหมอ
ปกติบ้านเราเขาจะเรียกแต่ที่นี่ใครยื่นใบลงที่โต๊ะหมอได้ก่อนคนนั้นก็ได้ตรวจก่อน
--"
งงม้ะ แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมากเลยครับ)
แล้วเราก็นำเอกสารการตรวจของเมื่อวานไปยื่น
ขอเข้าพบคุณหมอ
ในขณะที่รอคิวก็ได้อ่านพระวจนะพระเจ้าหนุนใจผม
ใน
อิสยาห์
55:8-9,
60:1-2,
61:1-3,
55:8
ว่าเพราะความคิดของเราไม่เป็นความคิดของเจ้า
ทั้งทางของเจ้าไม่เป็นวิถีของเรา"
พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้...
"เพราะฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกฉันใด
วิถีของเราสูงกว่าทางของเจ้า
และความคิดของเราก็สูงกว่าความคิดของเจ้าฉันนั้น
"จงลุกขึ้น
ฉายแสง
เพราะว่าความสว่างของเจ้ามาแล้ว
และสง่าราศีของพระเยโฮวาห์ขึ้นมาเหนือเจ้า
เพราะว่า
ดูเถิด
ความมืดจะคลุมแผ่นดินโลก
และความมืดทึบจะคลุมชนชาติทั้งหลาย
แต่พระเยโฮวาห์จะทรงขึ้นมาเหนือเจ้า
และเขาจะเห็นสง่าราศีของพระองค์เหนือเจ้า
"พระวิญญาณแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าสถิตอยู่บนข้าพเจ้า
เพราะว่าพระเยโฮวาห์ได้ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ให้ประกาศข่าวประเสริฐมายัง
ผู้ที่ถ่อมใจ
พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพเจ้าให้รักษาคนที่ชอกช้ำระกำใจ
ให้ร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย
และบอกการเปิดเรือนจำออกให้แก่ผู้ที่ถูกจองจำ
เพื่อประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระเยโฮวาห์
และวันแห่งการแก้แค้นของพระเจ้าของเรา
เพื่อเล้าโลมบรรดาผู้ที่ไว้ทุกข์
เพื่อจัดให้บรรดาผู้ที่ไว้ทุกข์ในศิโยน
เพื่อประทานความสวยงามแทนขี้เถ้าให้เขา
น้ำมันแห่งความยินดีแทนการไว้ทุกข์
ผ้าห่มแห่งการสรรเสริญแทนจิตใจที่ท้อถอย
เพื่อคนจะเรียกเขาว่าต้นไม้แห่งความชอบธรรม
ที่ซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงปลูกไว้
เพื่อพระองค์จะทรงได้รับสง่าราศี
ซึ่งทำให้ผมยิ่งมั่นใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของพระองค์
ผมจึงเดินไปหานางพยาบาล และบอกเธอว่า
"ก่อนที่จะพบคุณหมอขอให้ผมได้
X-ray
ใหม่อีกซักหนึ่งครั้งได้มั้ยครับ
?" เธอตอบว่าผมพึ่งจะ
X-ray
ไปเมื่อวานซึ่งไม่จำเป็นต้องตรวจใหม่
เพราะผลคงไม่เปลี่ยนแปลง
เพราะคุณหมอไม่ได้ให้ยาหรือรักษาอะไรเลย
แต่พระเจ้าบอกผมว่าไม่เป็นไร
ถ้าพระองค์ทรงประสงค์พระองค์จะทรงให้คุณหมอเป็นผู้บอกเธอเอง
ผมจึงรอพบคุณหมอ...
เมื่อถึงเวลาที่คุณหมอเรียกพบ
ผมเดินไปด้วยรอยยิ้ม และการสรรเสริญ
พร้อมกับน้องทรายน้องคนไทย
และอาจารย์ชาวอเมริกา
ซึ่งทั้งสองคนไปช่วยให้กำลังใจมาโดยตลอด
คุณหมอจึงถามถึงอาการ
เรามีการวัดความดัน
ฟังเสียงหัวใจ
จับเส้น
แล้วก็ตรวจปอด
โดนทุบที่หลัง
และหน้าอก
(ตามที่ท่านพอใจ
ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทุบส่วนไหนบ้าง
--" )
ท่านบอกว่าอาการของผมนั้นไม่เหมือนคนป่วย
เราคงต้องตรวจเลือด
และ
X-ray
ใหม่อีกครั้ง
ในใจผมได้แต่โอ้
ขอบคุณพระเจ้า!
เป็นดั่งที่ทรงบอกไว้จริงๆ
ฮ่าๆๆ
เราจึงตรวจกันใหม่หมด
ขั้นตอนทุกอย่างเริ่มใหม่
ซึ่งหลังจากที่รอผล
เราก็เข้าพบคุณหมออีกครั้งหนึ่ง
ผมยังคงมั่นใจ และนั่งยิ้ม ในชัยชนะของพระเจ้า
(ในใจก็ลุ้นมาก
ๆ)
คุณหมอส่องฟิล์ม
ส่องแล้วส่องอีก
ส่องอยู่นั่นแหละ
(ในใจคิด)
แล้วก็บอกว่า
"ทุกอย่างปกติดี
ปอดไม่มีอากาศอักเสบ หรือ
ติดเชื้อ
ผลเลือด
ปกติ
เม็ดเลือดปกติ
"
โอ้
สรรเสริญพระเจ้า!!
ซึ่ง
เมื่อวานการตรวจเลือดถึงสองครั้ง
และอาการเจ็บปวดที่ผมได้รับนั้น
ยืนยันว่าผลการตรวจไม่ได้ผิดพลาด และ
พระเจ้าทรงมีชัยเหนือโรคภัยทั้งหลายจริง ๆ
ขอบคุณพระเจ้าครับ
(คุณหมอถึงกับงงว่าเป็นไปได้ยังไง
ผมหวังว่าคุณหมอเองจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์)
จากบทความที่ผมได้มีโอกาสเล่าได้มีโอกาสแบ่งปันให้กับเพื่อน
ๆ และพี่น้อง
ผมหวังว่าจะเป็นสิ่งที่สามารถหนุนใจ
และให้เราได้เห็นถึงฤทธานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์
เมื่อเรามีความเชื่อและวางใจในพระองค์ว่าพระองค์ทรงสัตย์ซื่อ ผมไม่ได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์เพียงเพราะพระองค์ทรงรักษาความเจ็บป่วยของผม
แต่ผมได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์
เพราะพระองค์ ทรงเป็นความจริง
เป็นทางนั้น
และเป็นชีวิต
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
คุณจะต้องพบกับความเจ็บปวดเท่าใด
ก็ขอให้คุณมีความเชื่อ
และยืนหยัดในทางของพระองค์ พระองค์ทรงสัญญาว่าจะค้ำจุน
ดูแล
และเคียงข้างเราไปตลอด
ขอให้เรามีความหวังอยู่ในพระคุณอันไม่สิ้นสุดของพระเยซูผู้ตายแทนเรา
เราจะได้รับคืนทั้งหมด และเราจะได้โห่ร้อง
และชื่นชมยินดีเมื่อพระองค์ทรงเสด็จกลับมา
ขอพระเจ้าทรงได้รับชัยชนะ
ขอพระองค์ทรงได้รับเกียรติแต่เพียงผู้เดียว
และขอพระองค์ทรงเป็นจริงในชีวิตของท่านเหมือนกับในชีวิตของผม
ขอพระเจ้าอวยพรครับ
ขอบคุณครับ
~@^^@~rR
อ๋า
เหตุฉะนั้นท่านจงเลิกพูดมุสาเสีย
และจงพูดความจริงต่อกัน
เพราะว่าเราต่างก็เป็นอวัยวะของกันและกัน
(เอเฟซัส 4
:
25) |