วันที่ 20
พฤษภาคม พ.ศ. 2547
เป็นวันประกาศผลการสอบเอนทรานซ์ผ่านทางไปรษณีย์
ซึ่งผลออกมาก็คือ ผมสอบติดในคณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์
ภาควิชาฟิสิกส์อุตสาหกรรมและอุปกรณ์การแพทย์ ผมดีใจมาก
และเชื่อว่าผลที่ได้นี้คือทางเดินที่พระเจ้าได้จัดเตรียมไว้ให้ผมล่วงหน้าแล้ว
ค่ำคืนหนึ่งก่อนวันสอบสัมภาษณ์
ผมอ่านระเบียบการของการสอบสัมภาษณ์ พบว่า
ไม่ได้ระบุไว้ในเรื่องของเอกสารการสอบสัมภาษณ์
ผมจึงคิดว่าไม่มีอะไรที่ต้องเตรียมไป
และจึงเข้านอนทันที ก่อนนอนผมอธิษฐานไว้ว่า
"ขอให้พรุ่งนี้เป็นวันที่ดี ไม่มีปัญหา
ขอให้พระองค์ทรงคุ้มครองตลอดทุกย่างก้าว"
ในวันรุ่งขึ้น
ผมตื่นเช้าก่อนเวลาสอบสัมภาษณ์ 3 ชั่วโมง
พร้อมกับลางสังหรณ์แปลก ๆ
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
จึงอาบน้ำและเตรียมตัวในการสอบสัมภาษณ์
วันนั้นคุณแม่อาสาพาไปส่งที่สอบสัมภาษณ์
ขณะที่จะขึ้นรถอีกเพียงก้าวเดียว
ก็มีความคิดแวบเข้ามาในหัวว่า "อย่าเพิ่งไป
ครบแล้วหรือ" ผมจึงรีบหันหน้าออกจากประตูรถ
และวิ่งไปตรวจสอบระเบียบการอีกหนึ่งรอบ
ก็พบว่าเรื่องของเอกสารในการสอบสัมภาษณ์นั้นเขียนอยู่ในประกาศสำหนักงานอุดมศึกษากลางเล่ม
ผมจึงรีบเปิดเครื่องถ่ายเอกสาร
และรีบนำหลักฐานพร้อมทั้งสำเนาในเวลา 15 นาที
แล้วจึงรีบออกจากบ้าน
ในการสอบสัมภาษณ์มีการตรวจสอบหลักฐานอย่างเข้มงวด
แต่ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ผมเชื่อว่าความคิดที่แวบขึ้นมาในหัวก่อนที่จะขึ้นรถเพียงเสี้ยววินาทีนั้น
ทำให้ผมรอดจากการตกสัมภาษณ์
และความคิดนั้นคือสิ่งที่พระเจ้าบันดาลให้คิดได้
ทุกวันนี้ผมเชื่อว่า พระเจ้าดูแลผมตลอดเวลา
ไม่มีวินาทีไหนที่พระองค์จะละเลยถึงแม้ว่าผมจะเป็นคริสเตียนที่ไม่ดี
(เกเร...) โบสถ์ไม่เข้า ลืมอธิษฐานบ่อยครั้ง
ไม่ชอบงานเข้าสังคม แต่พระเจ้าก็ยังรักผมตลอดมา
เพราะว่าในข่าวประเสริฐนั้น
ความชอบธรรมของพระเจ้าก็ได้สำแดงออกโดยเริ่มต้นก็ความเชื่อ
สุดท้ายก็ความเชื่อ ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า
คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ
(โรม 1 : 17)
|